เรียนท่านผู้มี อุปการะคุณทุกท่าน ขอความกรุณาช่วยกัน แสดงความคิดเห็นด้วยนะขอรับ เืพื่อทางทีมท่านขุนทั้งหลายจะได้นำมาปรับปรุงเพื่อความบันเทิง ของทุกท่านต่อไปในอนาคตขอรับ
วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ห้าเด้ง ตอนที่ 4

บรรยากาศในการร่ำสุราที่พวกเราโหยหา ถึงแม้ว่ามันจะไม่ยืดยาวนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะยังไงซะเจ้าแอลกอฮอลล์ที่ยังส่งยิ้มให้เราอยู่ในขวดก็สำคัญกว่า บรรยากาศดีๆเป็นไหนๆ

เราเริ่มบรรเลงเพลงยุทธ์กันอีกครั้ง ทุกคนล้อมวงกันแบบสบายๆ เรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาตั้งแต่เช้าถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นสนทนากัน อย่างเพลิดเพลิน รวมทั้งเรื่องเก่าๆที่มักพูดคุยกันในวงเหล้า ก็ถูกนำกลับมาปัดฝุ่นเล่าสู่กันฟังใหม่โดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย

ภายในบ้านพักหลังนี้ แม้ไม่กว้างขวางมากนัก แต่มันก็สบายพอสำหรับพวกเราทั้งหกคน อีกทั้งที่หลับที่นอนก็มีพร้อม โทรทัศน์เครื่องเล็กก็มีไว้เปิดให้พวกเราได้คลายเหงา แถมพวกเรายังมีความเป็นส่วนตัวอีกต่างหาก เพราะญาติไอ้นกที่เป็นเจ้าของบ้านไปทำงานต่างถิ่น จนทำให้พวกเราเผลอนึกไปว่าเป็นบ้านของเราเอง

คงไม่ต้องบอกหรอกครับว่าพวกเราเต็มที่กันขนาดไหน มันก็คล้ายๆกับวงเหล้าทั่วไปนั่นแหละ เมื่อดีกรีเริ่มถึงมันก็ยิ่งทำให้พวกเรายิ่งคึกคัก แถมด้วยกีต้าร์ตัวเก่งที่ผมพกมาจากบ้าน ช่วยมาเสริมให้วงเหล้าพลัดถิ่นของพวกเรามีสีสันเป็นอยางมาก พวกเราใส่กันเต็มที่โดยไม่มีใครห้ามใคร หน้าแล้วหน้าเล่าของหนังสือเพลงถูกพลิกไปมา เพลงแล้วเพลงเล่าที่พวกเราช่วยกันบรรเลงและแหกปากประสานเสียงแบบไม่สนใจใคร โดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่และจะไปรบกวนใครบ้างหรือปล่าว

และในที่สุด!!! ศิลปินที่ไม่มีใครเชิญมาของพวกเราก็ต้องหยุดการแสดงลง แสงไฟในบ้านสาดส่องไปกระทบบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ข้างนอกให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งมันอยู่ห่างออกไปไม่ถึงสี่เมตร ผม ไอ้เรศ และไอ้อ๋องเห็นสิ่งนั้นด้วยกัน ต้องบอกตรงๆว่าน้ำตาผมเริ่มคลอเบ้า ตัวเริ่มแข็งสมองสับสนไปหมดเพราะไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน สิ่งที่พวกเราเห็นนั้นสูงเลยขอบหน้าต่างขึ้นมาไม่มาก มันดูคล้ายกับเด็กที่ใส่เสื้อสีขาวผมสั้นเกรียน ยืนเกาะขอบหน้าต่างอยู่ภายนอกท่ามกลางความมืดโดยไม่มีการเคลื่อนไหว ส่วนสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นใบหน้าที่จ้องมองมายังพวกเราก็ไม่เด่นชัดมากนัก เพราะเต็มไปด้วยรอยคราบสีขาว ไอ้วุฒิกับไอ้ตั้มที่หันหลังให้ค่อยๆเอียงตัวไปมอง จนทำให้พวกมันทั้งคู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัว ถึงตอนนี้ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนคงแทบที่จะลืมหายใจ มันเหมือนมีอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ที่อกจนไม่สามารถจะพูดอะไรออกมาได้ ขนทั่วร่างเริ่มลุกชัน ร่างกายไม่ยอมขยับราวกับถูกสาปไว้ แต่ก่อนที่ความกลัวของพวกเราจะทะลุเพดาน ไอ้นกก็ทำลายบรรยากาศที่แสนจะกดดันให้จางหายไป

"อ้าวเฮ้ย...ทำไมไม่เข้าหน้าบ้าน" ไอ้นกตะโกนถาม,

"ประตูล็อค" เด็กคนนั้นตอบ,

"แล้วทำไมไม่เรียก" ไอ้นกข้องใจ,

"เรียกแล้ว ไม่มีใครได้ยิน" เด็กคนนั้นสวนกลับ...

เมื่อบทสนทนาของคนทั้งคู่จบลง ก็ดูเหมือนว่าพวกเราได้กลับมามีลมหายใจกันอีกครั้ง

เฮ้อ...พี่น้องครับ บรรยากาศช่วงที่ผ่านมานั้นบอกตรงๆว่า "เกินที่จะรับได้" แต่เมื่อทุกอย่างจบลงแบบนี้ก็ต้องบอกอีกว่า "โค-ตะ-ระ ประทับใจ" ไม่ช้าทุกคนต่างก็เริ่มขยับเขยื้อนเคลื่อนย้ายร่างกาย เสียงหัวเราะปนเสียงด่าทอแบบขำๆถูกแย่งกันปลดปล่อยเหมือนกับอัดอั้นกันมานาน ชนิดที่ว่าชาตินี้ไม่มีทางลืมได้

สรุปสุดท้ายเราจึงได้ความว่า ปกติแล้วหลานไอ้นก จะนอนที่นี่คนเดียวเพราะพ่อแม่ไปทำงานอยู่ที่อื่น แต่พวกเราก็ไม่รู้มาก่อน เพราะตั้งแต่มาถึง มันก็พึ่งจะโผล่มาให้เห็นนี่แหละ....เฮ้อชีวิต

โปรดติดตาม ตอนจบเร็วๆนี้


เขียนโดย

ขุนเดช

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น